นับเป็นเวลามากกว่า 60 ปีมาแล้วที่ Chalie Christian ได้พิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นว่า กีตาร์ก็เป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่สามารถเล่นโซโลได้อย่างถึงพริกถึงขิงในดนตรีแจ๊ส เขาคือนักกีตาร์ไฟฟ้าคนแรกๆของวงการดนตรีที่แสดงให้เห็นว่า ในวงบิ๊กแบนด์กีตาร์ไม่ได้มีไว้เล่นประกอบจังหวะเพียงอย่างเดียว
Chalie Christian ได้รับอิทธิพลการเล่นดนตรีจากดนตรีบลูส์ค่อนข้างมาก และได้แสดงออกถึงรากฐานทางดนตรีของเขาในการอิมโพรไวส์ของเขาและมีทางเดินโน๊ตอยู่อันหนึ่งซึ่งแสดงออกถึงอิทธิพลของดนตรีบลูส์ที่มีต่อตัวเขาซึ่งเขานำมาใช้เป็นประจำจนกลายเป็นเสียงประจำตัวของเขา และยังถูกนักกีตาร์รุ่นหลังๆนำมาใช้ซ้ำอย่างมากมาย
ลองดูตัวอย่างข้างล่างนี้ เพื่อประกอบคำอธิบายถึงลูกเล่นประจำตัวของเขา
Chalie Christian มักจะเล่น slide จากโน๊ต b3 ไปยัง natural3 จากนั้นตามด้วยโน๊ตตัวโทนิคของ คอร์ด dominant 7 อยู่เสมอ ดังเช่นตัวอย่างข้างต้น ในคอร์ด G7 เขาเล่น slide จาก Bb ไปหา B จากนั้นตามด้วย G ซึ่งเป็น root ของคอร์ดนั้น ซึ่งการเล่นโน๊ตลักษณะนี้ ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในยุค bebop โดยนักดนตรีคนอื่นๆ
ต่อไปนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการผสมผสานลักษณะโน๊ตที่กล่าวถึงข้างต้นในการอิมโพรไวส์ของเขา
และเรายังมีอีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้โน๊ตลักษณะเดียวกันในสถานการณ์อื่น ในตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นคอร์ด C7 ในคีย์ G ซึ่งก็คือคอร์ด IV ในทางเดินคอร์ดบลูส์ทั่วๆไปนั่นเอง Chalie ทำลักษณะเดียวกันแม้กระทั่งในคอร์ดที่ไม่ใช่คอร์ดที่ I ของเพลงได้เช่นกัน
ลักษณะทางเดินโน๊ตง่ายๆอันนี้ นักกีตาร์รุ่นใหม่ๆหลายๆคนมักมองข้าม เนื่องจากมองดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่หากเราสังเกตุดูให้ดี นักกีตาร์แจ๊สรุ่นปัจจุบันทั้งหลายก็ยังนำมาใช้ซ้ำอยู่เสมอๆ เช่น จอร์จ เบ็นสัน เป็นต้น จะมีให้เห็นในแทบทุกเพลงที่เขาเล่น ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่นักกีตาร์ทุกท่านควรศึกษาเอาไว้
และขอทิ้งท้ายคำกล่าวของ Barney Kessel นักกีตาร์แจ๊สระดับตำนานอีกท่านหนึ่งที่พูดถึง Chalie Christian ไว้อย่างน่าฟังว่า............ "Charlie Christian's contributions to the electric guitar are as big as Thomas Edison's contributions to the world."